สุขภาพที่ดีเริ่มต้นง่ายๆ จากการอ่าน “อ่านฉลากที่ระบุถึงโภชนาการบนอาหารที่ซื้อ” เพราะอาหารบางชนิดเมื่อมองด้วยตาเปล่าอาจแลดูมีคุณประโยชน์และมีพลังงานต่ำ แต่ในความเป็นจริงกลับแฝงไปด้วยส่วนผสมบางอย่างที่เต็มไปด้วยไขมัน หรือมีส่วนประกอบที่ไม่เหมาะกับสุขภาพของคุณก็เป็นได้ ดังนั้น เพียงแค่ใส่ใจอ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อสักนิด คุณก็สามารถมีสุขภาพที่ดีอย่างชาญฉลาดได้ไม่ยาก
ฉลาก โภชนาการ คือ ฉลากอาหารที่มีการแสดงข้อมูลโภชนาการของอาหารนั้นอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Nutrition Information” ซึ่งจะระบุราย ละเอียดของชนิดและปริมาณสารอาหารที่มีในอาหารนั้นไว้ โดยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ หรือผู้สูงวัยที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้แต่เด็กๆในวัยกำลังเจริญเติบโต เนื่องจากจะช่วยให้ทราบถึงชนิดและปริมาณสารอาหารที่จะได้รับจากการบริโภคอา หารนั้นๆ จึงทำให้สามารถเลือกบริโภคอาหารได้ตรงตามภาวะโภชนาการของแต่ละบุคคล ในแต่ละช่วงวัย ทั้งยังสามารถนำไปเป็นข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารยี่ห้อ ที่ให้ประโยชน์มากที่สุดได้อีกด้วย
การอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อ ยังช่วยให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงสารอาหารที่ไม่ต้องการได้ ดังเช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตซึ่งต้องควบคุมปริมาณโซเดียม ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีส่วนผสมของเกลือ และน้ำปลา หรือในผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงซึ่งต้องควบคุมคอเลสเตอรอล ก็ควรเลือกรับประทานอาหารประเภทที่มีเส้นใยอาหารสูงหรืออาหารประเภทธัญพืช แม้กระทั่งการเลือกอาหารว่างคุณก็ยังสามารถใช้การอ่านฉลากในการเลือก ผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น ไอศกรีม ที่มีพลังงานและความหวานพอดี และใช้สีจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม เพื่อเป็นอาหารว่างที่เหมาะสมให้กับเด็กๆ ได้ โดยเด็กๆ สามารถรับประทานอาหารว่าง ได้วันละ 2 มื้อ ซึ่งอาหารว่างที่เหมาะสมควรมีพลังงานโดยเฉลี่ยไม่เกินมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรี และปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 12 กรัมหรือ 3 ช้อนชา
ดังนั้น การอ่านฉลากโภชนาก่อนซื้อ จึงเป็นวิธีการง่ายๆที่ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมให้กับทุก คนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีเด็กและผู้สูงอายุ
คำถามที่ตามมาก็คือ “แล้วฉลากโภชนาการ มีวิธีการอ่านอย่างไร” ซึ่งคำตอบนั้นง่ายมาก เพียงแค่คุณทราบหลักต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. “หนึ่งหน่วยบริโภค” หมายถึงปริมาณการกินต่อครั้งที่ผู้ผลิต แนะนำให้ผู้บริโภครับประทาน
2. “จำนวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ” หมายถึง เมื่อรับประทานครั้งละ “หนึ่งหน่วยบริโภค” แล้ว อาหารห่อนี้ กล่องนี้ สามารถรับประทานได้กี่ครั้งหรือแบ่งกินได้กี่คน
3. “คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค” หมายถึง เมื่อรับประทานในปริมาณที่ระบุไว้ในหนึ่งหน่วยบริโภคแล้วจะได้พลังงานและสารอาหารเท่าใร
4. “ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน” หมายถึง ร้อยละของปริมาณสารอาหารที่มีในหนึ่งหน่วยบริโภคเทียบกับปริมาณที่คนเราต้องการในหนึ่งวัน
เมื่อ ทราบหลักในการอ่านฉลากโภชนาการกันแล้ว คงเห็นตรงกันว่าแล้วใช่ไหมว่าการอ่านฉลากโภชนาการนั้น ทั้งอ่านง่าย...ได้ประโยชน์ แถมเป็นเคล็ด(ไม่)ลับเพื่อการมีสุขภาพดีที่แสนง่ายอีกด้วย แต่ที่สำคัญอย่าลืมอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วนก่อนหยิบลงตะกร้า โดยควรดูทั้งชื่อบริษัทผู้ผลิต ซึ่งควรเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐาน ข้อแนะนำ คำเตือนต่างๆ รวมไปถึงวันที่ผลิตและวันหมดอายุ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองและคนที่คุณรักซึ่งเป็นคนที่ได้รับ ประโยชน์ไปเต็มๆนั่นเอง
ฉลาก โภชนาการ คือ ฉลากอาหารที่มีการแสดงข้อมูลโภชนาการของอาหารนั้นอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า “Nutrition Information” ซึ่งจะระบุราย ละเอียดของชนิดและปริมาณสารอาหารที่มีในอาหารนั้นไว้ โดยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับผู้ที่ใส่ใจดูแลสุขภาพ หรือผู้สูงวัยที่ป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ อาทิ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด หรือแม้แต่เด็กๆในวัยกำลังเจริญเติบโต เนื่องจากจะช่วยให้ทราบถึงชนิดและปริมาณสารอาหารที่จะได้รับจากการบริโภคอา หารนั้นๆ จึงทำให้สามารถเลือกบริโภคอาหารได้ตรงตามภาวะโภชนาการของแต่ละบุคคล ในแต่ละช่วงวัย ทั้งยังสามารถนำไปเป็นข้อมูลเปรียบเทียบเพื่อเลือกซื้อผลิตภัณฑ์อาหารยี่ห้อ ที่ให้ประโยชน์มากที่สุดได้อีกด้วย
การอ่านฉลากโภชนาการก่อนเลือกซื้อ ยังช่วยให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงสารอาหารที่ไม่ต้องการได้ ดังเช่น ผู้ป่วยที่เป็นโรคไตซึ่งต้องควบคุมปริมาณโซเดียม ก็ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานที่มีส่วนผสมของเกลือ และน้ำปลา หรือในผู้ที่มีไขมันในเลือดสูงซึ่งต้องควบคุมคอเลสเตอรอล ก็ควรเลือกรับประทานอาหารประเภทที่มีเส้นใยอาหารสูงหรืออาหารประเภทธัญพืช แม้กระทั่งการเลือกอาหารว่างคุณก็ยังสามารถใช้การอ่านฉลากในการเลือก ผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น ไอศกรีม ที่มีพลังงานและความหวานพอดี และใช้สีจากธรรมชาติเป็นส่วนผสม เพื่อเป็นอาหารว่างที่เหมาะสมให้กับเด็กๆ ได้ โดยเด็กๆ สามารถรับประทานอาหารว่าง ได้วันละ 2 มื้อ ซึ่งอาหารว่างที่เหมาะสมควรมีพลังงานโดยเฉลี่ยไม่เกินมื้อละ 100-150 กิโลแคลอรี และปริมาณน้ำตาลไม่เกิน 12 กรัมหรือ 3 ช้อนชา
ดังนั้น การอ่านฉลากโภชนาก่อนซื้อ จึงเป็นวิธีการง่ายๆที่ช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์อาหารที่เหมาะสมให้กับทุก คนในครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวที่มีเด็กและผู้สูงอายุ
คำถามที่ตามมาก็คือ “แล้วฉลากโภชนาการ มีวิธีการอ่านอย่างไร” ซึ่งคำตอบนั้นง่ายมาก เพียงแค่คุณทราบหลักต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. “หนึ่งหน่วยบริโภค” หมายถึงปริมาณการกินต่อครั้งที่ผู้ผลิต แนะนำให้ผู้บริโภครับประทาน
2. “จำนวนหน่วยบริโภคต่อภาชนะบรรจุ” หมายถึง เมื่อรับประทานครั้งละ “หนึ่งหน่วยบริโภค” แล้ว อาหารห่อนี้ กล่องนี้ สามารถรับประทานได้กี่ครั้งหรือแบ่งกินได้กี่คน
3. “คุณค่าทางโภชนาการต่อหนึ่งหน่วยบริโภค” หมายถึง เมื่อรับประทานในปริมาณที่ระบุไว้ในหนึ่งหน่วยบริโภคแล้วจะได้พลังงานและสารอาหารเท่าใร
4. “ร้อยละของปริมาณที่แนะนำต่อวัน” หมายถึง ร้อยละของปริมาณสารอาหารที่มีในหนึ่งหน่วยบริโภคเทียบกับปริมาณที่คนเราต้องการในหนึ่งวัน
เมื่อ ทราบหลักในการอ่านฉลากโภชนาการกันแล้ว คงเห็นตรงกันว่าแล้วใช่ไหมว่าการอ่านฉลากโภชนาการนั้น ทั้งอ่านง่าย...ได้ประโยชน์ แถมเป็นเคล็ด(ไม่)ลับเพื่อการมีสุขภาพดีที่แสนง่ายอีกด้วย แต่ที่สำคัญอย่าลืมอ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วนก่อนหยิบลงตะกร้า โดยควรดูทั้งชื่อบริษัทผู้ผลิต ซึ่งควรเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับและมีมาตรฐาน ข้อแนะนำ คำเตือนต่างๆ รวมไปถึงวันที่ผลิตและวันหมดอายุ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวคุณเองและคนที่คุณรักซึ่งเป็นคนที่ได้รับ ประโยชน์ไปเต็มๆนั่นเอง